ก่อนที่จะมีโอกาสศึกษาประวัติของคุณจอห์นนี่ เราเองไม่รุ้มาก่อนเลยว่าบิ๊กบอสคนนี้เปนคนที่มีชีวิตไฮโซเอามากๆ อย่างแรกเลยก้อคือ จอห์นนี่ซังเกิดและเติบโตในเมืองลอสแองเจอลิสประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะบุตตรชายคนที่สองของตระกูลคิตาคาวะ และสาเหตุที่จอห์นนี่ ซังไปเกิดและใช้ชีวิตอยุ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก้อเพราะว่าช่วงนั้นคุนพ่อซึ่งเป็นพระของลัทธิชินชูโอยะนั้นถูกส่งไปประจำอยุ่ที่สาขาย่อยของงวัดฮิงาชิฮอนกันจิ ในเมืองลอสแองเจอลิสเปนเวลานานนับสิบปีนั่นเอง (พระญี่ปุ่นเค้าแต่งงานมีครอบครัวในระหว่างชีวิตบวชได้) เนื่องจากคุณแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังสาว จอห์นนี่ซังจึงต้องใช้ชีวิตอยุ่ในอเมริกากับคุนพ่อ และมีพี่สาวที่อายุมากกว่าสองปี ซึ่งก้อคือแมรี่ซัง จนมีอายุครบ11 ปี ก่อนเดินทางกลับมายังประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน ปี 1942 เพรากลัวลูกหลงจากสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สิ้นสุดลงจอห์นนี่ซัง และแมรี่ซังได้ตัดสินใจเดินทางไปอเมริกาอีกครั้งเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ทันทีที่สำเร็จการศึกษาจากมหาลัยในเมืองลอสแองเจอลิส จอห์นนี่ซังเดินทางกลับมายังประเทศญี่ปุนอีกครั้ง และเข้าทำงานในสถานทูตของอมเริกาในฐานะล่ามแปลภาษา ก่อนจะถูกส่งตัวไปเข้าร่วมกองทัพของอมเริกาในสงครามเกาหลี ทันทีที่ปลดประจำการจากกองทัพอเมริกา จอห์นนี่ซังตัดสินใจลาออกจากสถานทูตอเมริกา และสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรีในมหาลัยโซเฟีย ในระหว่างที่กะลังเรียนอยุ่ในมหาลัยโตเกียว จอห์นนี่ซังฟอร์มวงดนตรีร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งนับเปนจุดเริ่มต้นที่ทำมห้มีโอกาสเข้าไปคลุดคลีกับวงการบันเทิง และด้วยความสนใจในด้านวงการบันเทิง จอห์นนี่ซังจึงสมัครเข้าเปนพนักงานบริษัท “วาตานาเบะ โปรดักชั้น” โปรดักชั่นเฮ้าส์ชื่อดังในยุคนั้นทันทีที่เรียนจบจากมหาลัยโซเฟีย นอกจาความสามารถด้านงานบันเทิงแล้ว ด้วยความสนใจกีฬาเบบสบอลเปนการส่วนตัวจึงทำให้จอห์นนี่ซัง เริ่มรวยรวมเดกผู้ชายที่มีความสามารถด้านกีฦาเบสบอบลให้เข้าร่วมเปนสมาชิกของทีมเบสบอลจอห์นนี่ส์ ในฐานะโค้ชของทีม จอห์นนี่ซังมักจะพาสมาชิกไปฝึกซ้อมกันที่สวนสาธารณะโยโยงิในกรุงโตเกียวอยุ่เสมอ ถึงตรงนี้ทุกคนคงรุ้แลว้ล่ะสิว่า จุดหักเหที่ทำให้จอห์นนี่ซังผันตัวจากโค้ชทีมเบสบอลมาเปิดบริษัทนั้นคืออะไร... เรื่องของเรื่องก้อทีอยุ่ว่า เย็นวันหนึ่งจอห์นนี่ซังนัดแนะกับบรรดาสมาชิกไว้ว่า จะไปซ้อมเบสบอลกันตามปกติ แต่บังเอิญฝนเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก โค้ชจอห์นนี่จึงเปลี่ยนใจพาลูกทีมไปดูหนังเรื่อง West side Story แทน และด้วยความประทับใจในหนังนี่เอง ที่เปนแรงบันดาลใจให้จอห์นนี่ซังตัดสินใจหันมาจับงานสายบันเทิง โดยเริ่มต้นด้วยการตั้งบริษัท Johnny’s และมีศิลปินในสังกัด กลุ่มแรกคือ สมาชิกทีมเบสบอล “จอห์นนี่ส์” นั่นเอง (แสดงว่าหนุ่มพวกนี้ต้องหน้าตาดีมมากๆ) ที่ผ่านมาคงมีหลายคนเข้าใจผิดถึงที่มาของชื่อบริษัทจอห์นนี่ส์ หรือ Johnny & Associates ว่าใช้ชื่อนี้ เพราต้องการสื่อให้รุ้ว่าเปนบริษัทของคุณจอห์นนี่ แต่ความจิงแล้วจอห์นนี่ซังต้องการสื่อให้รุ้ว่าบริษัทของตนเองนั้นเปนต้นสังกัดของ กลุ่มศิลปิน “จอห์นนี่ส์” จึงได้นำเอาชื่อของศิลปินกลุ่มนี้มาตั้งเปนชื่อบริษัท สำหรับการตั้งต้นเป็นเอกเทศของจอห์นนี่ซังนั้นมีแหล่งข่าวบางกระแสรายงานว่า ในช่วงแรกที่ตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง จอห์นนี่ซังยังคงขอร้องวาตานาเบะ โปรดักชั่นเป็นผู้ดูแลกลุ่มศิลปินจอห์นนี่ส์ให้ แล้วจึงค่อยย้ายสังกัดให้บรราหนุ่มๆมาอยู่ในค่ายจอห์นนี่ส์ หลังจากที่กิจการของบริษัทเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่กลับมีแหล่งข่าวบางกระแสกลับรายงานว่า ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มศิลปินจอห์นนี่ส์นั้นสังกัดอยู่กับวาตานาเบะโปรดักชั่นตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม จอห์นนี่ซังพยายามใช้ความสนิทสนมในฐานะโค้ชทีมเบสบอลเกลี้ยกล่อมให้บรรดาหนุ่มๆจอห์นนี่ส์ยอมย้ายสังกัดมาอยู่กับบริษัทของตนเอง ซึ่งเหตุการณ์ตั้งกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กลับวาตานาเบะโปรดักชั่นเป็นอย่างมาก จนถึงขนาดขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆให้ทำการบอยคอตศิลปินจากค่ายจอห์นนี่ส์กันเลยทีเดียว... จริงเท็จประการใดก็คงต้องให้สาวกจอนนี่ห์เป็นคนตัดสินกันเองแล้วละว่าจะเชื่อใคร เพราะเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นก่อนที่พวกเราจะเกิดหลายสิบปี.. ในช่วงแรกของการก่อตั้งบริษัทจอห์นนี่ส์เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะบริษัทผู้ผลิตละครเวทีหรือมิวสิคัส แต่ไปๆมาๆด้วยความที่มีแต่กลุ่มศิลปินไอดอลหนุ่มๆหน้าตาดีอยู่ในสังกัดจึงทำให้ในปัจจุบันค่ายจอห์นนี่ส์มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะบริษัทต้นสังกัดของกลุ่มศิลปินไอดอลหนุ่มหน้าตาดีไปโดยปริยาย สำหรับแวดวงบันเทิงของญี่ปุ่นแล้วเป็นที่รู้จักกันว่าค่ายจอห์นนี่ส์เป็น 1 ใน 3 ค่ายยัก์ชื่อใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก ( อีกสองค่ายคือ โยชิโมโตะ โคเงียว และ เบิร์นนิ่ง โปรดักชั่น ) ทั้งสามค่ายนี้จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับอตีดศิลปินที่ลาออกจากค่าย โดยขอความร่วมมือ(แกมบังคับ) ไปยังสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ รวมทั้งสิ่งพิมพ์ต่างๆให้ปฏิเสธการนำเสนอข่าวคราวเกี่ยวกับศิลปินคนนั้นๆ ทำให้มีศิลปินจำนวนน้อยคนที่สามารถกลับมาประสบความสำเร็จในวงการได้อีกหลังจากลาออกจากค่ายจอห์นนี่ส์ไปแล้ว นอกจากนั้นสำหรับศิลปินที่ทางค่ายรู้รพแคะระคายว่ากำลังเตรียมตัวที่จะย้ายสังกัดไปอยู่กับบริษัทอื่นก็จะโดนจัดการขั้นเด็ดขาด โดยบอกยกเลิกสัญญาแบบสายฟ้าแลบด้วยข้ออ้างต่างๆนานาโดยไม่ให้ตั้งตัวได้ทัน เท่านั้นยังไม่พอทางจอห์นนี่ส์ยังมีนโยบายไม่ส่งศิลปินของตนเข้าร่วมรายการโทรทัศน์ใดๆก็ตามที่มีการเชิญศิลปินค่ายคู่แข่งไปร่วมในวันเดียวกัน ยกเว้นงานใหญ่จริงๆอย่าง Kohaku Utagassen เป็นต้น ช่วงที่ถือว่าบริษัทจอห์นี่ส์ประสบความสำเร็จสูงสุดคือ ช่วงที่กลุ่มศิลปินไอดอลที่เน้นหนักทางด้านการร้องเพลง และแสดงละคร อย่าง Tanokin Trio (โทชิฮิโกะ ทาฮาระ, มาซาฮิโกะ คอนโด , โยชิโอะ โนมุระ ) Shibuhgaitai (มาซาฮิโระ โมโตกิ , ฮิโรฮิดะ ยากุมารุ , โยชิคาสึ ฟุกาวะ ) Shonentai ( คาสึคิโอะ นิชิกิโอริ , โนริยูกิ ฮิงาชิยามะ , คัตสึฮิเดะ อุเอสุเกะ ) รวมทั้ง Hikaru Genji ( โคจิ อุจิอุมิ , มิกิโอะ โอซาวะ , คาสึมิ โมโรโฮชิ , ฮิโรยูกิ ซาโต้ , จุนอิจิ ยามาโมโตะ , อากิระ อากาซากะ , อัตสึฮิโร่ ซาโต้ ) หลังจากหมดยุคไอดอลเฟื่องฟู บรัทจอห์นนี่ส์จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการบริหารงาน โดยเริ่มเน้นหนักการสร้างไอดอลสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถรองรับได้ทั้งการร้อง การเต้น การแสดง รวมทั้งต้องได้รับการฝึกฝนให้พูดคุยได้อย่างสนุกสนาน พอที่จะรับงานพิธีกรรายการวาไรตี้ต่างๆได้อีกด้วย ศิลปินกลุ่มแรกที่ได้รับการฝึกฝนวิชา “ไอดอลสายพันธุ์ใหม่” นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากห้าหนุ่ม ( เมื่อก่อนมี 6 ) SMAP นั่นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมาก เพราะหลังจากเปลี่ยนแนวทางการบริหารแล้วศิลปินทุกวงในสังกัดของค่ายจอห์นนี่ส์นั้นสามารถโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงได้ยาวนานยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับศิลปินประภทไอดอลที่มักมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ได้ไม่นานเกิน 6-7 ปี ยกเว้น Shonentai ซึ่งเป็นกลุ่มศิลปินที่มีความเป็นวาไรตี้อยู่ในตัวสูงมาตั้งแต่แรก ส่งผลให้สามารถอยู่คงกระพันในวงการบันเทิงมาได้อย่างยาวนานกว่า 20 ปี มาดูเรื่องราวซึ่งเป็นที่จับตามองของทั้งสาวกจอห์นนี่ส์และสาวกของศิลปินค่ายอื่นๆกันบ้างดีกว่า ก็อย่างที่รู้ๆกันละว่าทั้งตัวบิ๊กบอสจอห์นนี่ซังเองและศิลปินหนุ่มๆที่สังกัดอยู่ในค่ายนั้นมักตกเป็นเป้าโจมตีของบรรดาปาปารัสซี่อยู่เสมอ
- 2 กรกฏาคม 2000 บริษัทจอห์นนี่ห์ยื่นเรื่องฟ้องบริษัทบีแอนด์บี โปรดักชั่น ในคดีที่ประธาบบริษัทรวมทั้งเจ้าหน้าที่อีกสี่คน ในข้อหาขู่กรรโชกและทำร้ายร่างกายโก โมริตะ 1 ในสมาชิก V6 และ ยาสุโกะ แมรี่ ฟุจุชิมะ ( ชื่อหลังแต่งงานของแมรี่ซัง ) โดยทางฝ่ายจอห์นนี่ส์เป็นผู้ชนะคดีไปอย่างสวยงาม
- 3 กรกฏาคม 2003 สำนักสรรพยากรโตเกียวสำรวจพบว่าบริษัมจอห์นนี่ห์มีการหลบเลี่ยงการเสียภาษีเป็นจำนวนเงินมากถึง 350 ล้านเย็น จนกลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่ว
- 27 กุมภาพันธ์ 2004 นิตยาสาร “ชูกันบุนชุน” เผยแพร่ข่าวสำคัญเกี่ยวกับการที่จอห์นนี่ซังมีพฤติกรรมส่อไปทางล่วงละเมิดทางเพศศิลปินในสังกัดของตนเอง
- 16 กรกฏาคม 2004 ศาสโตเกียวพิจารณาตัดสินให้สำนักพิมพ์ Shufu to seikatsu เจ้าของนิตยาสาร “ชูกันโจะเซ” ชำระค่าเสียหานมูลค่า 1 ล้านเยน ให้กับฮิเดอากอ ทากิซาว่า ในคดีละเมิสิทธิส่วบุคคล ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทักกี้และต้นสังกัดฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินมากถึง 110 ล้านเย็น
- 12 พฤศจิกายน 2004 บริษัทจอห์นนี่ส์จัดการแข่งขันเบสบอลการกุศลขึ้นที่โตเกียวโดม โดยนำรายได้ทั้งหมดไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวนาริตะ และหลังจากนั้นยังมีการจัดตั้งมูลนิธิ JohnnyCharity Fund เพื่อนำเป็นกองทุนช่วยเหลือเด็กๆที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว
- 15 กรกฏาคม 2005 บริษัทจอห์นนี่ส์ยื่นอุธรณ์ในคดีของทักกี้อีกครั้ง โดยเรยกค่าเสียหายทั้งหมด 11 ล้านเยน แต่ศาลพิจารณายกฟ้อง
Credit: J-Spy เล่ม 81
1 comment:
โอ้!!!
ว้าว!!!
ประวัติจอห์นนี่สุดยอดไปเลย
แต่เราอยากรู้จังเลยว่ามีสมาชิกในค่ายมีใครบ้างอะ
Post a Comment