} /* Page Structure ----------------------------------------------- */ #outer-wrapper { background:url("http://www.blogblog.com/dots/bg_3dots.gif") no-repeat 250px 50px; width:700px; margin:0 auto; text-align:left; font:normal normal 100% Verdana,Arial,Sans-Serif; } #header-wrapper { display: none; } #main-wrapper { width:450px; float:right; padding:100px 0 20px; font-size:85%; word-wrap: break-word; /* fix for long text breaking sidebar float in IE */ overflow: hidden; /* fix for long non-text content breaking IE sidebar float */ } #main { background:url("http://www.blogblog.com/dots/bg_dots2.gif") -100px -100px; padding:20px 10px 15px; } #sidebar-wrapper { width:200px; float:left; font-size:85%; padding-bottom:20px; word-wrap: break-word; /* fix for long text breaking sidebar float in IE */ overflow: hidden; /* fix for long non-text content breaking IE sidebar float */ } #sidebar { background:url("http://www.blogblog.com/dots/bg_dots2.gif") 150px -50px; padding:40px 10px 15px; width:200px; width/* */:/**/180px; width: /**/180px; } /* Title & Description ----------------------------------------------- */ .Header h1 { margin:0 0 .5em; line-height: 1.4em; font: normal normal 250% Georgia,Serif; color: #335533; } .Header h1 a { color:#335533; text-decoration:none; } .Header .description { margin:0 0 1.75em; color: #999966; font: normal normal 100% Verdana, Arial, Sans-Serif; } /* Links ----------------------------------------------- */ a:link { color:#448888; } a:visited { color:#888855; } a:hover { color:#888855; } a img { border-width:0; } /* Posts ----------------------------------------------- */ h2.date-header { margin:0 0 .75em; padding-bottom:.35em; border-bottom:1px dotted #99bb99; text-transform:uppercase; letter-spacing:.3em; color: #666633; font: normal normal 95% Georgia, Serif; } .post { margin:0 0 2.5em; } .post h3 { margin:.25em 0; line-height: 1.4em; font: normal normal 100% Georgia,Serif; font-size: 130%; font-weight: bold; color:#999966; background:url("http://www.blogblog.com/dots/bg_post_title.gif") no-repeat left .25em; padding:0 0 1px 45px; } .post h3 a { text-decoration:none; color: #999966; } .post h3 a:hover { color: #333333; } .post p { margin:0 0 .75em; line-height:1.6em; } .post-footer { margin:0; } .uncustomized-post-template .post-footer { text-align: right; } .uncustomized-post-template .post-author, .uncustomized-post-template .post-timestamp { display: block; float: left; margin-right: 4px; text-align: left; } .post-author, .post-timestamp { color:#999966; } a.comment-link { /* IE5.0/Win doesn't apply padding to inline elements, so we hide these two declarations from it */ background/* */:/**/url("http://www.blogblog.com/dots/icon_comment.gif") no-repeat left .25em; padding-left:15px; } html>body a.comment-link { /* Respecified, for IE5/Mac's benefit */ background:url("http://www.blogblog.com/dots/icon_comment.gif") no-repeat left .25em; padding-left:15px; } .post img { margin:0 0 5px 0; padding:4px; border:1px solid #99bb99; } .feed-links { clear: both; line-height: 2.5em; } #blog-pager-newer-link { float: left; } #blog-pager-older-link { float: right; } #blog-pager { text-align: center; } /* Comments ----------------------------------------------- */ #comments { margin:0; } #comments h4 { margin:0 0 10px; border-top:1px dotted #99bb99; padding-top:.5em; line-height: 1.4em; font: bold 110% Georgia,Serif; color:#333; } #comments-block { line-height:1.6em; } .comment-author { background:url("http://www.blogblog.com/dots/icon_comment.gif") no-repeat 2px .35em; margin:.5em 0 0; padding-top: 0; padding-bottom:0; padding-left:20px; padding-right:20px; font-weight:bold; } .comment-body { margin:0; padding-top: 0; padding-bottom:0; padding-left:20px; padding-right:20px; } .comment-body p { margin:0 0 .5em; } .comment-footer { margin:0 0 .5em; padding:0 0 .75em 20px; padding-top: 0; padding-bottom:.75em; padding-left:20px; padding-right:0; color:#996; } .comment-footer a:link { color:#996; } .deleted-comment { font-style:italic; color:gray; } /* More Sidebar Content ----------------------------------------------- */ .sidebar h2 { margin:2em 0 .75em; padding-bottom:.35em; border-bottom:1px dotted #99bb99; line-height: 1.4em; font-size: 95%; font: normal normal 100% Georgia,Serif; text-transform:uppercase; letter-spacing:.3em; color:#666633; } .sidebar p { margin:0 0 .75em; line-height:1.6em; } .sidebar ul { list-style:none; margin:.5em 0; padding:0 0px; } .sidebar .widget { margin: .5em 0 1em; padding: 0 0px; line-height: 1.5em; } .main .widget { padding-bottom: 1em; } .sidebar ul li { background:url("http://www.blogblog.com/dots/bullet.gif") no-repeat 3px .45em; margin:0; padding-top: 0; padding-bottom:5px; padding-left:15px; padding-right:0; } .sidebar p { margin:0 0 .6em; } /* Profile ----------------------------------------------- */ .profile-datablock { margin: 0 0 1em; } .profile-img { float: left; margin-top: 0; margin-bottom:5px; margin-left:0; margin-right:8px; border: 4px solid #cc9; } .profile-data { margin: 0; line-height: 1.5em; } .profile-textblock { clear: left; margin-left: 0; } /* Footer ----------------------------------------------- */ #footer { clear:both; padding:15px 0 0; } #footer p { margin:0; } /* Page structure tweaks for layout editor wireframe */ body#layout #sidebar, body#layout #main, body#layout #main-wrapper, body#layout #outer-wrapper, body#layout #sidebar-wrapper { padding: 0; } body#layout #sidebar, body#layout #sidebar-wrapper { padding: 0; width: 240px; } -->

Friday, April 20, 2007

แถลงการณ์จากจอห์นนี่ [JIN]+แปล

KAT-TUN赤西仁が帰国、20日会見 昨年10月から休業していたKAT-TUN赤西仁(22)が19日、語学留学先のロサンゼルスから帰国した。当初、休業期間を明言していなかったが、半年間で帰国となった。20日に都内で会見する。
ข่าวนี้แปลประมาณว่า จินได้กลับมาแล้วหลังจากการไปเรียนภาษาที่ Los Angeles เมื่อตุลาคมปีที่แล้ว และจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 20 เมษายนนี้

แปล:aum

ข่าวนี้แปลประมาณว่า จิน กลับมาแล้วหลังจากที่หยุดงานแสดงเพื่อไปเรียนต่อครึ่งปี และวันที่ 20 เมษายนจะมีการแถลงข่าวของสมาชิกในวงทั้ง 6 คน
แปล : aum
และนี่คือข่าวเกี่ยวกับ Tokyo dome

Akanishi Jin มาถึงสนามบินนานาชาติโตเกียว เมื่อวันที่ 19 เมษายน หลังจากไปเรียนภาษาที่อเมริกาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และในข่าวยังบอกอีกว่าจินได้ใส่แว่นดำ กางเกงยีนส์ (ตามที่เห็นบนภาพข้างบน) เดินออกมาทางประตูทางออกของผู้โดยสาร ส่วนงานแถลงข่าวอาจจะมีในวันที่ 20 เมษายน และอาจจะมีการเซอร์ไพส์ในคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมในเดือนมิถุนายน

เราแปลแค่สั้นๆนะ สรุปๆอ่ะ ตรงที่ไม่แปลก็เกี่ยวกับการพักงานของจิน
แปล:aum

งานแถลงข่าวจิน http://tvpot.daum.net/v/2669323

credit: Johnny entertainment & sanspo & kattun4you

แฟนคลับเศร้า! 4 หนุ่ม “Super Junior” รถคว่ำ

วันที่19 เม.ย. เวลาประมาณ 10.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย สมาชิก 4 คนของวง Super Junior วงดนตรีกลุ่มชื่อดังจากประเทศเกาหลี ได้แก่ อีทึก, อึนฮยอก, ชินดง และคยูฮยอน ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะกำลังขับรถกลับที่พัก หลังจากที่อัดรายการวิทยุ "Kiss the Radio" เสร็จ
โดยผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ขณะที่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับมาถึงสะพานโอลิมปิก ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ รถเกิดสูญเสียการทรงตัว และตีลังกากลับ จึงเป็นเหตุให้นักร้องชื่อดังทั้ง 4 คนกระเด็นออกมานอกรถ และได้รับบาดเจ็บ มีเพียงคยูฮยอน ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน อีทึก, อึนฮยอก และชินดง ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่และผู้อยู่ในเหตุการณ์ช่วยนำทั้งนักร้องชื่อดังทั้ง 4 ส่งโรงพยาบาลทันที
โดยคยูฮยอน หนึ่งในสมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บมากนั้น ได้ถูกส่งตัวเข้ารักษาในห้อง ICU ของโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ ในคังนัม ซึ่งแพทย์ได้เปิดเผยว่า คยูฮยอนได้รับบาดเจ็บมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่ร้ายแรงมากนัก ส่วนอีทึก, อึนฮยอก และชินดง แพทย์ได้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลซัมซุง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบหลักฐานไม่พบสิ่งผิดปกติ ที่รถยนต์คันดังกล่าว อาจเป็นได้ว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากความประมาทของคนขับรถ ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนหาสาเหตุอีกครั้งหนึ่ง
credit: dailynews & kapook

Tuesday, April 17, 2007

Gokusen 2

มีข่าวมาบอก Gokusen ภาค 2 คาดว่าจะออกอากาศวันเสาร์ อาทิตย์ คงจะเริ่มวันที่ 28 เม.ย. 50 นี้แล้ว แล้เราก็มีเนื้อเรื่องมาให้อ่านกันด้วย
หลังจากที่ออกจากโรงเรียนเดิม(ในภาคแรก)เธอได้กลับมาทำงานเป็นครูอีกครั้งในโรงเรียนคุโระคินโรงเรียนไฮโซ ที่มีปัญหาอยู่ที่นักเรียนกลุ่มแสบห้อง 3-D ที่เธอเป็นครูประจำชั้น 3-D หัวโจกของห้องคือ ยาบุกิ ฮายาโตะ เริ่มเรื่องด้วยการที่ยามากุจิไปตามโอดะกิริ ริว นักเรียนที่ไม่ยอมมาเรียนเลย ยามากุจิทำทุกวิถีทางเพื่อให้ริวใจออกยอมมาเรียน แต่เรื่องไม่ง่ายแค่นั้น เพราะเมื่อริวใจอ่อนยอมกลับมาเรียนแล้ว กลับไม่เป็นที่ต้อนรับของเพื่อนร่วมห้องเท่าไหร่ โดยเฉพาะฮายาโตะ จนทำให้ทั้งคู่วางหมัดใส่กันตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้ากัน สาเหตุที่ทำให้ทั้ง 2 ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นเพื่อนรักกันมาก รวมทั้งทาเคดะ เคย์ตะ สามเหตุมาจากการที่ยามาโตะเข้าใจผิดคิดว่าริวเป็นคนใจเสาะกลัวเรื่องชกต่อย กลัวถูกไล่ออก ถึงขนาดไปก้มหัวขอโทษกลุ่มนักเรียนที่มีเรื่องกัน แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยเมื่อทาเคดะทนไม่ได้ที่เพื่อนเข้าใจผิดริว เพราะตัวเองเป็นคนที่กลัวการมีเรื่องเอง เมื่อฮายาโตะรู้เรื่องทั้งหมดจึงไปหากลุ่มนักเรียนที่เคยมีเรื่องอยู่คนเดียวและก็ถูกรุมแต่ริวก็ตามมาช่วย พร้อมด้วยเพื่อนๆ และยังกุมิ ริวและฮายาโตะก็กลับมาเป็นเพื่อนรักกันอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีเรื่องกันบ่อยครั้งขึ้น จนพ่อของริวที่เป็นตำรวจพาริวกลับไป แต่ยังกุมิและเพื่อนๆ ก็พาริวออกมาจากบ้านได้ ริวยอมก้มหัวขอร้องพ่อเพื่อที่จะให้ตนกลับเรียนพร้อมกับเพื่อนๆ ใกล้วันประกาศจบการศึกษาเข้ามายังกุมิสั่งนักเรียนทุกคนว่าพยายามอย่ามีเรื่อง แต่จนแล้วจนรอดก็มีเรื่องอีกจนได้ ต้นตอของเรื่องคือคุโด้นักเรียนที่ถูกไล่ออกไป แต่ครั้งนี้ไม่มีใครยอมลงมือ ยอมให้พวกของคุโด้รุม แต่ด้วยความรักเพื่อนของนักเรียนทั้งห้อง จึงยกกันมาช่วยพวกฮายาโตะและริวที่ถูกยำใหญ่ ยังกุมิก็ออกโรงบู้ตามเคย การมีเรื่องครั้งนี้ทำให้อธิการโมโหมากจึงสั่งไล่ออกยกห้อง แต่ยังกุมิยอมรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดด้วยการลาออกคนเดียวเพื่อให้นักเรียนห้อง 3-D ได้จบการศึกษา แต่ก็ทำให้นักเรียนทั้งห้องประท้วงด้วยการไม่ไปเข้าพิธีจบการศึกษา แต่ไปรวมตัวกันที่ห้องเรียน เรื่องร้อนถึงซาวาตาริ โกโร่ ที่โทรไปตามยังกุมิ ยังกุมิพูดกับนักเรียนห้อง 3-D จนทุกคนยอมไปร่วมพิธี ฮายาโตะเดินนำหน้านักเรียนห้อง 3-D เข้ามาในหอประชุมและเป็นตัวแทนขึ้นไปรับใบประกาศการจบการศึกษา ครูซาวาตาริให้ยังกุมิขึ้นกล่าวบนเวที เมื่อกล่าวจบจินใส่ให้ทั้งห้องลุกขึ้น กล่าวขอบคุณยังกุมิ และหันไปขอบคุณทุกคนที่นั่งอยู่ในหอประชุม เมื่อพิธีจบลงนักเรียนต่างแยกย้ายไป รวมถึงยามากุจิที่ที่ย้ายโรงเรียนอีกครั้ง
credit : วิกิพีเดีย

Friday, April 13, 2007

History Johnny's

ค่ายที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้คือค่ายยักษ์ใหญ่จอนนี่แฟมมิลี่นั่นเอง ก่อนจะพูดถึงที่มาที่ไปของค่ายจอห์นนี่ เราไปทำความรุ้จักกับบิ๊กบอสใหญ่เจ้าของค่าย หรือที่รู้จักกันในนามจอห์นนี่ซังกันดีกว่า จอห์นนี่ซังหรือที่แฟนๆ ชาวไทยเรียกกันว่าปู่...เอ้ย คุณจอห์นนี่มีชื่อจริงว่า คุณจอห์นนี่ เอช คิตาคะวะ หรือจอห์นนี่ ฮิโรมุ คิตาคาวะนั่นเอง บิ๊กบอสใหญ่ประจำค่ายจอห์นนี่ เกิดวันที่ 23 ตุลาคม 1931 นับอายุอานาม้กอประมาณ 74 ปี กว่าๆ
ก่อนที่จะมีโอกาสศึกษาประวัติของคุณจอห์นนี่ เราเองไม่รุ้มาก่อนเลยว่าบิ๊กบอสคนนี้เปนคนที่มีชีวิตไฮโซเอามากๆ อย่างแรกเลยก้อคือ จอห์นนี่ซังเกิดและเติบโตในเมืองลอสแองเจอลิสประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะบุตตรชายคนที่สองของตระกูลคิตาคาวะ และสาเหตุที่จอห์นนี่ ซังไปเกิดและใช้ชีวิตอยุ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก้อเพราะว่าช่วงนั้นคุนพ่อซึ่งเป็นพระของลัทธิชินชูโอยะนั้นถูกส่งไปประจำอยุ่ที่สาขาย่อยของงวัดฮิงาชิฮอนกันจิ ในเมืองลอสแองเจอลิสเปนเวลานานนับสิบปีนั่นเอง (พระญี่ปุ่นเค้าแต่งงานมีครอบครัวในระหว่างชีวิตบวชได้) เนื่องจากคุณแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังสาว จอห์นนี่ซังจึงต้องใช้ชีวิตอยุ่ในอเมริกากับคุนพ่อ และมีพี่สาวที่อายุมากกว่าสองปี ซึ่งก้อคือแมรี่ซัง จนมีอายุครบ11 ปี ก่อนเดินทางกลับมายังประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน ปี 1942 เพรากลัวลูกหลงจากสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สิ้นสุดลงจอห์นนี่ซัง และแมรี่ซังได้ตัดสินใจเดินทางไปอเมริกาอีกครั้งเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ทันทีที่สำเร็จการศึกษาจากมหาลัยในเมืองลอสแองเจอลิส จอห์นนี่ซังเดินทางกลับมายังประเทศญี่ปุนอีกครั้ง และเข้าทำงานในสถานทูตของอมเริกาในฐานะล่ามแปลภาษา ก่อนจะถูกส่งตัวไปเข้าร่วมกองทัพของอมเริกาในสงครามเกาหลี ทันทีที่ปลดประจำการจากกองทัพอเมริกา จอห์นนี่ซังตัดสินใจลาออกจากสถานทูตอเมริกา และสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรีในมหาลัยโซเฟีย ในระหว่างที่กะลังเรียนอยุ่ในมหาลัยโตเกียว จอห์นนี่ซังฟอร์มวงดนตรีร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งนับเปนจุดเริ่มต้นที่ทำมห้มีโอกาสเข้าไปคลุดคลีกับวงการบันเทิง และด้วยความสนใจในด้านวงการบันเทิง จอห์นนี่ซังจึงสมัครเข้าเปนพนักงานบริษัท “วาตานาเบะ โปรดักชั้น” โปรดักชั่นเฮ้าส์ชื่อดังในยุคนั้นทันทีที่เรียนจบจากมหาลัยโซเฟีย นอกจาความสามารถด้านงานบันเทิงแล้ว ด้วยความสนใจกีฬาเบบสบอลเปนการส่วนตัวจึงทำให้จอห์นนี่ซัง เริ่มรวยรวมเดกผู้ชายที่มีความสามารถด้านกีฦาเบสบอบลให้เข้าร่วมเปนสมาชิกของทีมเบสบอลจอห์นนี่ส์ ในฐานะโค้ชของทีม จอห์นนี่ซังมักจะพาสมาชิกไปฝึกซ้อมกันที่สวนสาธารณะโยโยงิในกรุงโตเกียวอยุ่เสมอ ถึงตรงนี้ทุกคนคงรุ้แลว้ล่ะสิว่า จุดหักเหที่ทำให้จอห์นนี่ซังผันตัวจากโค้ชทีมเบสบอลมาเปิดบริษัทนั้นคืออะไร... เรื่องของเรื่องก้อทีอยุ่ว่า เย็นวันหนึ่งจอห์นนี่ซังนัดแนะกับบรรดาสมาชิกไว้ว่า จะไปซ้อมเบสบอลกันตามปกติ แต่บังเอิญฝนเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก โค้ชจอห์นนี่จึงเปลี่ยนใจพาลูกทีมไปดูหนังเรื่อง West side Story แทน และด้วยความประทับใจในหนังนี่เอง ที่เปนแรงบันดาลใจให้จอห์นนี่ซังตัดสินใจหันมาจับงานสายบันเทิง โดยเริ่มต้นด้วยการตั้งบริษัท Johnny’s และมีศิลปินในสังกัด กลุ่มแรกคือ สมาชิกทีมเบสบอล “จอห์นนี่ส์” นั่นเอง (แสดงว่าหนุ่มพวกนี้ต้องหน้าตาดีมมากๆ) ที่ผ่านมาคงมีหลายคนเข้าใจผิดถึงที่มาของชื่อบริษัทจอห์นนี่ส์ หรือ Johnny & Associates ว่าใช้ชื่อนี้ เพราต้องการสื่อให้รุ้ว่าเปนบริษัทของคุณจอห์นนี่ แต่ความจิงแล้วจอห์นนี่ซังต้องการสื่อให้รุ้ว่าบริษัทของตนเองนั้นเปนต้นสังกัดของ กลุ่มศิลปิน “จอห์นนี่ส์” จึงได้นำเอาชื่อของศิลปินกลุ่มนี้มาตั้งเปนชื่อบริษัท สำหรับการตั้งต้นเป็นเอกเทศของจอห์นนี่ซังนั้นมีแหล่งข่าวบางกระแสรายงานว่า ในช่วงแรกที่ตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง จอห์นนี่ซังยังคงขอร้องวาตานาเบะ โปรดักชั่นเป็นผู้ดูแลกลุ่มศิลปินจอห์นนี่ส์ให้ แล้วจึงค่อยย้ายสังกัดให้บรราหนุ่มๆมาอยู่ในค่ายจอห์นนี่ส์ หลังจากที่กิจการของบริษัทเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่กลับมีแหล่งข่าวบางกระแสกลับรายงานว่า ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มศิลปินจอห์นนี่ส์นั้นสังกัดอยู่กับวาตานาเบะโปรดักชั่นตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม จอห์นนี่ซังพยายามใช้ความสนิทสนมในฐานะโค้ชทีมเบสบอลเกลี้ยกล่อมให้บรรดาหนุ่มๆจอห์นนี่ส์ยอมย้ายสังกัดมาอยู่กับบริษัทของตนเอง ซึ่งเหตุการณ์ตั้งกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กลับวาตานาเบะโปรดักชั่นเป็นอย่างมาก จนถึงขนาดขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆให้ทำการบอยคอตศิลปินจากค่ายจอห์นนี่ส์กันเลยทีเดียว... จริงเท็จประการใดก็คงต้องให้สาวกจอนนี่ห์เป็นคนตัดสินกันเองแล้วละว่าจะเชื่อใคร เพราะเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นก่อนที่พวกเราจะเกิดหลายสิบปี.. ในช่วงแรกของการก่อตั้งบริษัทจอห์นนี่ส์เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะบริษัทผู้ผลิตละครเวทีหรือมิวสิคัส แต่ไปๆมาๆด้วยความที่มีแต่กลุ่มศิลปินไอดอลหนุ่มๆหน้าตาดีอยู่ในสังกัดจึงทำให้ในปัจจุบันค่ายจอห์นนี่ส์มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะบริษัทต้นสังกัดของกลุ่มศิลปินไอดอลหนุ่มหน้าตาดีไปโดยปริยาย สำหรับแวดวงบันเทิงของญี่ปุ่นแล้วเป็นที่รู้จักกันว่าค่ายจอห์นนี่ส์เป็น 1 ใน 3 ค่ายยัก์ชื่อใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก ( อีกสองค่ายคือ โยชิโมโตะ โคเงียว และ เบิร์นนิ่ง โปรดักชั่น ) ทั้งสามค่ายนี้จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับอตีดศิลปินที่ลาออกจากค่าย โดยขอความร่วมมือ(แกมบังคับ) ไปยังสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ รวมทั้งสิ่งพิมพ์ต่างๆให้ปฏิเสธการนำเสนอข่าวคราวเกี่ยวกับศิลปินคนนั้นๆ ทำให้มีศิลปินจำนวนน้อยคนที่สามารถกลับมาประสบความสำเร็จในวงการได้อีกหลังจากลาออกจากค่ายจอห์นนี่ส์ไปแล้ว นอกจากนั้นสำหรับศิลปินที่ทางค่ายรู้รพแคะระคายว่ากำลังเตรียมตัวที่จะย้ายสังกัดไปอยู่กับบริษัทอื่นก็จะโดนจัดการขั้นเด็ดขาด โดยบอกยกเลิกสัญญาแบบสายฟ้าแลบด้วยข้ออ้างต่างๆนานาโดยไม่ให้ตั้งตัวได้ทัน เท่านั้นยังไม่พอทางจอห์นนี่ส์ยังมีนโยบายไม่ส่งศิลปินของตนเข้าร่วมรายการโทรทัศน์ใดๆก็ตามที่มีการเชิญศิลปินค่ายคู่แข่งไปร่วมในวันเดียวกัน ยกเว้นงานใหญ่จริงๆอย่าง Kohaku Utagassen เป็นต้น ช่วงที่ถือว่าบริษัทจอห์นี่ส์ประสบความสำเร็จสูงสุดคือ ช่วงที่กลุ่มศิลปินไอดอลที่เน้นหนักทางด้านการร้องเพลง และแสดงละคร อย่าง Tanokin Trio (โทชิฮิโกะ ทาฮาระ, มาซาฮิโกะ คอนโด , โยชิโอะ โนมุระ ) Shibuhgaitai (มาซาฮิโระ โมโตกิ , ฮิโรฮิดะ ยากุมารุ , โยชิคาสึ ฟุกาวะ ) Shonentai ( คาสึคิโอะ นิชิกิโอริ , โนริยูกิ ฮิงาชิยามะ , คัตสึฮิเดะ อุเอสุเกะ ) รวมทั้ง Hikaru Genji ( โคจิ อุจิอุมิ , มิกิโอะ โอซาวะ , คาสึมิ โมโรโฮชิ , ฮิโรยูกิ ซาโต้ , จุนอิจิ ยามาโมโตะ , อากิระ อากาซากะ , อัตสึฮิโร่ ซาโต้ ) หลังจากหมดยุคไอดอลเฟื่องฟู บรัทจอห์นนี่ส์จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการบริหารงาน โดยเริ่มเน้นหนักการสร้างไอดอลสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถรองรับได้ทั้งการร้อง การเต้น การแสดง รวมทั้งต้องได้รับการฝึกฝนให้พูดคุยได้อย่างสนุกสนาน พอที่จะรับงานพิธีกรรายการวาไรตี้ต่างๆได้อีกด้วย ศิลปินกลุ่มแรกที่ได้รับการฝึกฝนวิชา “ไอดอลสายพันธุ์ใหม่” นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากห้าหนุ่ม ( เมื่อก่อนมี 6 ) SMAP นั่นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมาก เพราะหลังจากเปลี่ยนแนวทางการบริหารแล้วศิลปินทุกวงในสังกัดของค่ายจอห์นนี่ส์นั้นสามารถโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงได้ยาวนานยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับศิลปินประภทไอดอลที่มักมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ได้ไม่นานเกิน 6-7 ปี ยกเว้น Shonentai ซึ่งเป็นกลุ่มศิลปินที่มีความเป็นวาไรตี้อยู่ในตัวสูงมาตั้งแต่แรก ส่งผลให้สามารถอยู่คงกระพันในวงการบันเทิงมาได้อย่างยาวนานกว่า 20 ปี มาดูเรื่องราวซึ่งเป็นที่จับตามองของทั้งสาวกจอห์นนี่ส์และสาวกของศิลปินค่ายอื่นๆกันบ้างดีกว่า ก็อย่างที่รู้ๆกันละว่าทั้งตัวบิ๊กบอสจอห์นนี่ซังเองและศิลปินหนุ่มๆที่สังกัดอยู่ในค่ายนั้นมักตกเป็นเป้าโจมตีของบรรดาปาปารัสซี่อยู่เสมอ
- 2 กรกฏาคม 2000 บริษัทจอห์นนี่ห์ยื่นเรื่องฟ้องบริษัทบีแอนด์บี โปรดักชั่น ในคดีที่ประธาบบริษัทรวมทั้งเจ้าหน้าที่อีกสี่คน ในข้อหาขู่กรรโชกและทำร้ายร่างกายโก โมริตะ 1 ในสมาชิก V6 และ ยาสุโกะ แมรี่ ฟุจุชิมะ ( ชื่อหลังแต่งงานของแมรี่ซัง ) โดยทางฝ่ายจอห์นนี่ส์เป็นผู้ชนะคดีไปอย่างสวยงาม
- 3 กรกฏาคม 2003 สำนักสรรพยากรโตเกียวสำรวจพบว่าบริษัมจอห์นนี่ห์มีการหลบเลี่ยงการเสียภาษีเป็นจำนวนเงินมากถึง 350 ล้านเย็น จนกลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่ว
- 27 กุมภาพันธ์ 2004 นิตยาสาร “ชูกันบุนชุน” เผยแพร่ข่าวสำคัญเกี่ยวกับการที่จอห์นนี่ซังมีพฤติกรรมส่อไปทางล่วงละเมิดทางเพศศิลปินในสังกัดของตนเอง
- 16 กรกฏาคม 2004 ศาสโตเกียวพิจารณาตัดสินให้สำนักพิมพ์ Shufu to seikatsu เจ้าของนิตยาสาร “ชูกันโจะเซ” ชำระค่าเสียหานมูลค่า 1 ล้านเยน ให้กับฮิเดอากอ ทากิซาว่า ในคดีละเมิสิทธิส่วบุคคล ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทักกี้และต้นสังกัดฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินมากถึง 110 ล้านเย็น
- 12 พฤศจิกายน 2004 บริษัทจอห์นนี่ส์จัดการแข่งขันเบสบอลการกุศลขึ้นที่โตเกียวโดม โดยนำรายได้ทั้งหมดไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวนาริตะ และหลังจากนั้นยังมีการจัดตั้งมูลนิธิ JohnnyCharity Fund เพื่อนำเป็นกองทุนช่วยเหลือเด็กๆที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว
- 15 กรกฏาคม 2005 บริษัทจอห์นนี่ส์ยื่นอุธรณ์ในคดีของทักกี้อีกครั้ง โดยเรยกค่าเสียหายทั้งหมด 11 ล้านเยน แต่ศาลพิจารณายกฟ้อง
- 16 กันยายน 2005 บริษัทจอห์นนี่ส์จับมือกับพิพิทธภัณฑ์การแสดงของมหาวิทยาลัยวาเซตะ จัดการแสดงละครเวทีขึ้นที่ Tokyo Glove Theatre ภายใต้โปรเจ็ค @ the glove project ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องยาวนาน 3 ปี สำหรับคัดเลือกนักศึกษาสาขาการแสดงที่มีฝีมือเข้าสู่วงการผ่านการแสดงละครเวทีเรื่องต่างๆ
Credit: J-Spy เล่ม 81
ของ no_muzume